น้ำมันปลา กับน้ำมันตับปลา ต่างกันยังไง วิตามินบำรุงสมอง เสริมการทำงานของเซลล์สมอง ลดความเสี่ยงหลอดเลือดอุดตัน
หลายคนคงจะคุ้นหูกับคำว่า ” น้ำมันตับปลา ” และ ” น้ำมันปลา ” จริงๆแล้วทั้ง2 ชื่อนี้เป็นคนละอย่างกัน และจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แต่บางครั้งคนก็มักจำสับสน และเข้าใจว่าคือตัวเดียวกัน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่
น้ำมันตับปลา.. คือ น้ำมันที่สกัดมาจากตับของปลาจริงๆ ส่วนมากจะเป็นปลาคอร์ดในสมัยเมื่อหลายปีก่อน ก็ถือว่าเป็นของดีมาก เด็กๆยุคนี้ด้รับประทานน้ำมันตับปลานี่ถือว่าเป็นของวิเศษเลยทีเดียว เพราะในน้ำมันตับปลามีสารบำรุงที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ และวิตามินดี แต่ในเวลาต่อมาก็ลดความนิยมลง เนื่องจากมีข้อเสีย คือ วิตามิน2อย่างนี้ ถ้าทานเยอะเกินไปจะขับออกไม่ได้ จึงมีความเป็นพิษสูง อีกทั้งน้ำมันจากตับปลาทะเลมันเป็นที่สะสมของสารพิษมากมาย สารปรอท ตะกั่วจะเยอะมาก มีความปนเปื้อนเยอะ จึงไม่ปลอดภัย หลังๆมาจึงลดความนิยมลง และหันมารับประทาน ” น้ำมันปลา ” แทน
##น้ำมันปลา… คือ น้ำมันที่สกัดจาก ส่วนเนื้อ กระดูก ก้าง และส่วนหัวของปลา ( ซึ่งควรเป็นปลาทะเลน้ำลึก เพราะจะมีประโยชน์มาก) ผ่านกระบวนการบีบอัดให้สารสกัดออกมาเรียกว่ากรดไขมันที่มีประโยชน์ โดยหลีกเลี่ยงการนำวิตามินเอและวิตามินดีมาเสริม เพื่อป้องการเกิดพิษ ฉะนั้นการรับประทาน น้ำมันปลา จึงได้รับประโยชน์มากที่สุด และมีความปลอดภัยสูง
สารสำคัญในน้ำมันปลามีประโยชน์อย่างไร ?
เราอาจจะเคยได้ยินการต่อๆมาว่า ทานปลาแล้วฉลาด พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย เราจะเน้นให้เด็กๆทานผัก ทานปลากัน เพราะเชื่อว่าทานปลาแล้วจะฉลาด แต่ในทางการแพทย์ได้มีการวิจัยออกมาแล้วว่าน้ำมันปลามีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง :
– น้ำมันปลามีกรดไขมัน โอเมก้า 3 ซึ่งประกอบด้วย EPA และ DHA เป็นกรดไขมันที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องรับประทานเสริมเข้าไป
– DHA ช่วยเสริมสร้างเซลล์ในสมอง เริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จนคลอดก็ต้องการน้ำมันปลาอย่างต่อเนื่อง เพราะ DHA จะเป็นสารจำเป็นมากที่จะช่วยให้สมองเด็กมีการเรียนรู้ จดจำ มีการมองเห็น และมีพัฒนาการที่ดี
– สารสำคัญ EPA จะช่วยต้านการอักเสบ เพราะขบวนการอักเสบที่มากเกินไปจะทำให้เซลล์เสื่อมไว กลายพันธุ์เร็ว แก่เร็ว และเกิดโรคภัยได้ง่าย และช่วยลดปวด ตาข้อ ตามร่างกาย ปวดรูมาตอยด์ เมื่อทานน้ำมันปลาเยอะก็จะดีต่อสุขภาพ ช่วยชะลอวัย โอเมก้า3 กระตุ้นให้ร่างกายหลังสารเซโรโทนินเพิ่มขึ้น จึงเรียกว่าเป็นน้ำมันที่ช่วยเพิ่มความสุข อารมณ์ดี ได้ด้วย นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องการต้านเกล็ดเลือดไม่ให้หลุดลอยมากเกินไป ช่วยไม่ให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน และมีประสิทธิภาพสูงในการลดไตรกลีเซอไรด์
การเลือกรับประทานน้ำมันปลาที่ดี บุคคลทั่วไปที่ทานเพื่อบำรุงสุขภาพ ควรเลือกน้ำมันปลาที่มีสัดส่วน EPA กับ DHA ในสัดส่วน 3 ต่อ 2 และควรดูแหล่งที่มาด้วยว่า น้ำมันปลาที่ดีควรมาจากปลาทะเลน้ำลึก เพราะจะไม่มีการปนเปื้อนของสารพิษ พวกสารปรอท และในกระบวนการสกัดน้ำมันออกมาก็ต้องมีการขั้นตอนที่ถูกต้องปลอดภัย ไม่มีการหืนของไขมันที่ไม่อิ่มตัวถ้ามีการปนเปื้อนของออกซิเจนจะทำปฏิกิริยา ทำให้เกิดสารพิษขึ้นได้ ฉะนั้นการเลือกแบรนด์ที่ผลิตน้ำมันปลาก็ควรดูว่า ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม มีแลปวิเคราะห์ดีมากพอไหม
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำมันปลา ชนิดเม็ด ตรากิฟฟารีน ( สูตรปกติ )
ส่วนประกอบที่สำตัญ :น้ำมันปลา 1000 มก. ( สูตรปกติ )
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล:
ใน 1 แคปซูล มีน้ำมันปลา 1,000 มก.
วิตามินอี (1200 หน่วยสากล/กรัม) 4,160 มก.
ประกอบด้วยกรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (EPA) 180 มก.
กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) 120 มก.
วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร
ปริมาณสุทธิ 90 เม็ด ( 1 เม็ด ขนาด 1,000 มก.)
ราคา : 540 บาท
น้ำมันปลา 4 เอ็กซ์ (ขนาด 1,000 มก. บรรจุ 60 แคปซูล) เหมาะสำหรับวัยเรียน วัยทำงานเน้นการเรียนรู้ จดจำ ใช้สมอง เรียนเก่ง
( เป็นน้ำมันปลาสูตรเข้มข้น )
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำมันปลา 1000 มก. ชนิดแคปซูล (ตรา กิฟฟารีน)
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณ ใน 1 แคปซูล :
น้ำมันปลา 1,000 มก. ประกอบด้วย กรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง
กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (EPA) 100 มก.
กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) 500 มก.
วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร ( ในตอนเช้า )
กระปุกใหญ๋ บรรจุ : 60 แคปซูล
ราคา : 1,060 บาท ( กระปุกใหญ่ )
กระปุกเล็ก บรรจุ 30 แคปซูล
ราคา : 620 บาท ( กระปุกเล็ก )
สามารถนำรหัสสมาชิก 37108803 ไปซื้อได้ที่ศูนย์ธุรกิจกิฟฟารีนทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage : Giffarine online by kate
Email : kateud55@gmail.com
โทร. 083-5949965 /Line id : kasamon999
สมัครสมาชิกกิฟฟารีนป้อนข้อมูลที่นี่ค่ะ